เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๓ ก.ย. ๒๕๕๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

มันตอกย้ำถึงธรรมะ ธรรมะนะ...ความจริงธรรมะมันเป็นสัจธรรม อริยสัจ สูงส่งมากเลย แต่พวกเราตีความกันโดยปุถุชน เห็นไหม... ความว่าง.. ความว่าง.. ถ้าเป็นความว่างนะ ชาวพุทธเป็นพระอรหันต์กันหมดเลย เพราะอะไรชาวพุทธทำใจว่างๆ ได้ทั้งนั้นนะ มาก็ว่างๆ ว่างๆ ถ้าความว่างเป็นสัจธรรมนะ ในโอ่งในไหมันก็มีความว่าง ในโอ่งในไหที่มันว่างอยู่นี่เป็นอากาศที่มันว่าง ในไหไม่มีอะไรเลยนะ ในโอ่งเห็นไหม มันก็ว่าง ว่างนั้นมันว่างอะไร

ความว่างนะ มันต้องเป็นความจริง เป็นความว่าง พระพุทธเจ้าสอนให้ปล่อยวาง ก็ปล่อยวางกันแล้ว ทุกคนเป็นคนดีกันหมดเลยนะ ชาวพุทธนี้เป็นคนดีหมดเลยนะ ว่าง..สบาย.. ต้องไปวัดทำไม ไปวัดไปทุกข์ไปยาก พอไปวัดไปทุกข์ไปยาก ยิ่งพวกเราประพฤติปฏิบัติยิ่งยากไปใหญ่นะ อัตตกิลมถานุโยค ทำตนให้ลำบากเปล่า แต่ไม่รู้ว่าสัจจะความจริง สัจจะความจริงมันต้องจริงก่อน.. มันต้องจริงก่อน เห็นไหม

เกิดมาแล้ว คนเราเกิดมาแล้วก็ต้องตาย เห็นไหม สักแต่ว่า.. สักแต่ว่า กายไม่ใช่เรา กายไม่ใช่เรา พูดแต่ปาก ! กายไม่ใช่เราแล้วทุกข์ทำไม กายไม่ใช่เรา...ร้องไห้ทำไม กายไม่ใช่เรา...โศกเศร้าทำไม กายไม่ใช่เรา...เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาแล้วรักษามันทำไม กายมันเป็นของเรานะ ในคำว่าอริยทรัพย์ มันได้กายนี้มาก่อน ได้เป็นมนุษย์สมบัตินี้มาก่อน

เพราะมนุษย์สมบัติมีสมอง สัตว์มันไม่มีสมองนะ สัตว์มันนอนไป สัตว์เลื้อยคลาน มันจะขวางโลกไป สัตว์ มนุษย์นี่...ลิงนี่...เวลาเดินมันตรงอยู่ แต่เวลาปกติมันก็จะค่อมไป แต่มนุษย์เดินตรงขึ้นมา มีมนุษย์เท่านั้นนะ มนุษย์เท่านั้นเป็นมนุษย์สมบัติ นี่เป็นอริยทรัพย์ เพราะมนุษย์สมบัติค้นคว้าได้ มนุษย์สมบัติมันบีบคั้นมา มันถึงต้องจริงจังไง มันต้องจริงจังก่อน จริงตามสมมุติก่อน ไม่ใช่สักแต่ว่า !

ถ้าสักแต่ว่า แล้วมันสักแต่ว่าทำ คนสักแต่ว่านี่มันขาดสติหมด อันนู้นก็สักแต่ว่า สักแต่ว่าไง ปฏิเสธมันไง ทำให้มันลืมๆ มันไป ปฏิเสธมันไป ไม่รับรู้ ไม่รับรู้ก็เป็นพระอรหันต์ไง ก็คนบ้า ! พระอรหันต์อยู่โรงพยาบาลศรีธัญญาเต็มไปหมดเลย ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นเลย

นี่ก็เหมือนกัน ว่างแบบไม่รับรู้อะไร มันเป็นไปไม่ได้ มันต้องว่างแบบเราเข้าใจนะ เราเข้าใจแล้วปล่อยวางตามความเป็นจริงนะ พอปล่อยวางตามความเป็นจริง อันที่ปล่อยวางอันนี้สำคัญ สำคัญคือสัจธรรมคืออันนี้ไง สัจธรรมคือทำอย่างไรให้มันปล่อยวาง

ดูสิ เอาชนะใจตนเอง เอาชนะได้อย่างไร เอาชนะใจตนเอง แล้วว่างๆ มันเป็นอาการของใจ เหมือนกับเรา ดูซิ...ร่างกายเราสกปรก เราทำความสะอาดมันได้หมด แต่เราจะทำความสะอาดหัวใจได้อย่างไร

ดูสิ ขนาดเวลาหมอเขาผ่าตัดนะ ดูสิ ในการทำดีท็อกซ์ ล้างขนาดไหน.. ล้างขนาดไหน มันจะล้างเกลี้ยงไหม ไม่มีทาง ! เป็นไปไม่ได้ ! สัจธรรมเท่านั้นที่เข้าไปชำระล้างหัวใจ แล้วสัจธรรมนี้มันมาจากไหน แล้วสักแต่ว่า.. สักแต่ว่า กิเลสหลอกทั้งนั้นเลย ชาวพุทธเป็นอย่างนี้หมด ชาวพุทธไม่จริงไม่จัง ชาวพุทธโลเล ชาวพุทธสับปลับ แล้วชาวพุทธก็ได้ผลของการสับปลับ ชาวพุทธถึงได้แต่สิ่งที่โลเล ธรรมะโลเล ธรรมะที่ไม่เป็นความจริง

แล้วถ้าเป็นธรรมจริงขึ้นมา ก็เอากิเลสขึ้นมาอ้างไง เป็นอัตตกิลมถานุโยค มีความอยากทำ แต่ปฏิบัติไม่ได้ อยากดี.. ถ้าไม่อยากไม่มานั่งอยู่นี้กันทำไม่ได้หรอก ไอ้ที่มาเพราะอยากทั้งนั้นล่ะ เพราะมีศรัทธาความเชื่อ เพราะความอยากก็พามา

ความอยากเป็นมรรคเว้ย ! อยากจะทำคุณงามความดี อยากดูแลพ่อดูแลแม่ อยากรักษา อยากทำบุญกุศล อยากช่วยเหลือเจือจานคน อย่างนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรเลย อยากทำไง ดูคนอยากทำ คนที่มีฐานะนะ เวลาเขาทำบุญกุศลเขาไม่ทำแบบกล้าเปิดเผยนะ เพราะทำเปิดเผยไม่ได้ ถ้าทำเปิดเผยนะ เดี๋ยวนะ...โอ้โฮ...จะมีคนมาออดอ้อนขอเขาเยอะแยะเลย เขาต้องทำใต้ดิน เขาทำใต้ดินกันนะ คนมีตังค์นี่... ไม่อยากเอ่ยชื่อ เขาทำกันทีหนึ่งเป็นร้อยๆ ล้าน เขาทำใต้ดิน เขาทำไม่ให้ใครรู้เลย รู้ไม่ได้นะ

ยิ่งถ้าเป็นปัจจุบัน ดูสิทางโลกเห็นไหม ถ้าต้องประชาสัมพันธ์ ต้องโฆษณา โฆษณาอย่างนั้นตายเลยนะ เพราะอะไร เพราะในเมืองไทย คนทุกข์คนจนมันเยอะ คนขาดแคลน คนบกพร่องมากมาย แล้วคนพวกนี้ไม่มีใครไปช่วยเหลือเขา ไม่มีใครช่วยเหลือเขาเพราะอะไร

เพราะสิ่งนี้ ลองดูสิ ยกมือขึ้นมาสิ ดูสิ นิ้วมันเท่ากันไหม คนเกิดมาแล้วมันลุ่มๆ ดอนๆ ไม่เท่ากันหรอก แม้แต่พ่อแม่เดียวกัน ตระกูลเดียวกัน เป็นพี่น้องกันมาก็ไม่เท่ากัน ดูสิ เราเกิดมาพ่อแม่ที่มีมาอุดมสมบูรณ์ เราก็ได้รับดูแลรักษาอย่างดีเลย เราเกิดมาพ่อแม่อัตคัดขาดแคลนขึ้นมา ลูกจากพ่อแม่เดียวกัน ยังไม่เท่ากันเลย พ่อแม่ยังดูแลไม่ได้เหมือนกันเลย แล้วสังคมไทย สังคมโลก มันจะเสมอกันได้ เป็นไปได้อย่างไร

เราจะบอกว่ามันเป็นโดยกรรมไง เราไม่สามารถจะทำให้มันเสมอภาคกันได้หมด แต่โลกไม่คิดกันอย่างนั้น ประชาธิปไตย.. ประชาธิปไตย.. เสียงเดียว ไม่มีทาง ! หัวหน้ามุ้งเสียงมันใหญ่กว่า อำนาจมันใหญ่กว่า ดูสหประชาชาติสิ เวลาวีโต้ขึ้นไปนะ... มันวีโต้ทีเดียวตกหมดเลย แล้วไหนว่ามีเสียงเท่ากันไง มันเป็นไปไม่ได้ ! โกหกทั้งนั้น โลกนี้คือโลกสมมุติ มันโกหกทั้งนั้นเลย แต่มันโกหกเพื่อความสมจริงสมจัง นี่สิ่งที่เป็นการโกหกใช่ไหม

นี่ก็เหมือนกัน ในเมื่อมันมีกรรมขึ้นมา คนมีกรรมขึ้นมา เราจะไปให้มันเสมอภาค อย่างที่ทางโลกคิดกันขึ้น ต้องเสมอภาค รัฐบาลต้องดูแลให้หมด เป็นไปไม่ได้หรอก เป็นไปไม่ได้ ดูในอเมริกาซิ... ในอเมริกา ญี่ปุ่น คนจนเยอะนะ มันมีพวกนี้ พวกสาธารณประโยชน์เนี่ย...เวลาวันพุธเขาจะเลี้ยงข้าวต้ม ญี่ปุ่นเขาจะเลี้ยงข้าวต้ม คนญี่ปุ่นเรียงแถว เพราะคนญี่ปุ่นตกงานเยอะ คนญี่ปุ่นไม่มีงานทำก็เยอะ คนญี่ปุ่นทุกข์ยากก็เยอะ

คนอเมริกาดูสิ...คนที่ตกสำรวจ ไม่มีทะเบียนบ้าน เขาไปอยู่ในท่อน้ำกันนะ คนไม่มีบ้าน คนจรจัดในอเมริกา อเมริกาเจริญใช่ไหม ในอเมริการุ่งเรืองใช่ไหม แล้วมันเสมอภาคกันได้ไหม.. มันจะมีความสุขเท่ากันในประเทศอเมริกา ไม่มีคนทุกข์คนยากเลย เป็นไปได้ไหม.. เป็นไม่ได้หรอก ! มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่มันเป็นความคิดของพวกเรา ถ้าเป็นความคิดของพวกเราว่า ความเสมอภาคอยากจะช่วยเหลือเจือจานกัน นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่คนมันมีกรรม ! มันทำของมันมา มันทำกรรมของมันมา ในเมื่อกรรมเสวยผลการให้ผลอย่างนั้น แล้วเราจะฝืนกรรมมันจะเป็นไปได้อย่างไร จะช่วยเหลือได้ก็ช่วยเหลือได้เล็กน้อย แต่กรรมของเขา ถ้าหมดกรรมของเขาเห็นไหม ดูสิ ดูเศรษฐีมหาเศรษฐีสิ มาจากคนทุกข์คนจนเยอะแยะไป เพราะมันถึงเวลาแล้วมันเป็นไปได้ เวลากรรมมันให้ผล

ดูอนาถบิณฑิกเศรษฐีเห็นไหม... ซื้อที่ดินถวายพระพุทธเจ้า สร้างวัดเอาแบงก์ปูเลย เอาเหรียญเรียงเลย แล้วเอาเงินสะสมไว้ เพราะสมัยก่อนไม่มีธนาคาร ก็ฝังดินไว้ เวลาน้ำมันหลากมา มันพัดมา มันเซาะมา มันไปหมดเลย ทรัพย์สมบัติเกลี้ยงหายไปหมดเลย จากเศรษฐีมหาเศรษฐีนะ กลับกลายต้องมากินน้ำผักดองนะ อินเดียเขากินน้ำผักดองกับข้าว กินอย่างนั้น เวลามาอย่างนั้น พอพระมาบิณฑบาต เพราะเป็นพระโสดาบัน เจอนี้ไม่กิน ถวายพระไปหมดเลย จนพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ในวินัยไง

“เสขะ.. อเสขะ..” ภิกษุห้ามเข้าไปบิณฑบาตในบ้านเสขะที่สมมุติแล้ว เพราะอะไร เพราะพระโสดาบัน พระสกิทาคามี ถ้าเข้ามาเนี่ย... ต้องถวายหมด ! พอถวายหมดแล้ว เพราะใจมันเป็นธรรม พอใจมันเป็นธรรมถึงห้ามพระ ถ้าสมมุติว่าเป็นอเสขะบุคคลแล้วภิกษุจะเข้าไปบิณฑบาต.. ห้ามไปบิณฑบาต ! ให้เขาทำบุญเอง ให้เขาหาเอง ไม่ใช่เข้าไปหาเขา ถ้าไปหาเขานะ เขาหมดเลย แล้วถ้าเขาไม่มีแล้วจะทำอย่างไร

พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้นะ การบิณฑบาตมันยังมีนะ นี่...ไม่ใช่วณิพก ไม่ใช่อะไร..การบิณฑบาตห้ามออกเสียง การบิณฑบาตถ้าออกเสียงมันเป็นวณิพก ไม่ใช่ภิกขาจาร ภิกขาจารไปด้วยลำแข้ง ไปด้วยปลีแข้ง เรามีศักดิ์ศรีมาก สัมมาอาชีวะเพราะอะไร เพราะโยมไปกินร้านอาหาร พอเวลาอาหารมันหมดขึ้นมา... โยมซื้อกินกันมันเป็นธุรกิจ ยังมีการซื้อขาย ยังมีการกำไรขาดทุน

แต่พระไม่มีทาง ! ภิกขาจารไปด้วยลำแข้ง เราบิณฑบาตไป แล้วแต่ความพอใจของเขา เขาจะใส่หรือไม่ใส่ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ถ้าเขาศรัทธาของเขา เขาสาธุ เขายกไว้บนศีรษะนะ สาธุ... แล้วก็ใส่บาตรไป มันสะอาดบริสุทธิ์

เนี่ยสัมมาอาชีวะ ไม่มีทุจริต ไม่มีคดโกง ไม่มีสิ่งใดๆ เลย นี่สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบเห็นไหม มันสะอาดบริสุทธิ์ สิ่งที่ได้มา บิณฑบาตได้มาฉัน สิ่งนี้สะอาดบริสุทธิ์ แล้วปฏิคาหก ผู้ให้ด้วยความบริสุทธิ์ ผู้รับด้วยความบริสุทธิ์ สิ่งที่ให้มาด้วยความบริสุทธิ์ล่ะ...ถ้าเป็นอเสขะบุคคล ภิกษุห้ามเข้าไปในเรือนของเขา ห้ามบิณฑบาตของเขา มันเป็นไปหมด

นี่เศรษฐี มหาเศรษฐี เวลาถึงคราวที่มันทุกข์มันจน จนเทวดาทนไม่ไหวนะ เทวดาไปถามเลยนะ “นี่ทำบุญเห็นไหม ทำบุญแล้วได้บุญมากๆ ทำบุญจนหมดเนื้อหมดตัว ยังจะทำบุญอีกเหรอ” เพราะเป็นพระโสดาบันนะ ! ไล่เทวดาออกจากซุ้มบ้าน ไล่ออกไปเลย.. จนเทวดาต้องไปขอขมาพระพุทธเจ้า

พระอินทร์บอกว่าให้เทวดานี้แก้ตัว .. สิ่งที่น้ำมันเซาะไป น้ำมันพัดไป ให้ไปเอามันกลับมา ให้ไปเอาสิ่งนั้นกลับมาไว้ในซุ้มของอนาถะฯ นี่พอเอากลับมา ทอง ! ไหทองคำ ! โอ่งทองคำที่มันโดนน้ำพัดไป มันไปรวมตัวกับทองคำที่เป็นสาธารณะอีกนะ พอเอากลับมาจาก ๒-๓ ไห กลายเป็นสิบๆ ไห เอากลับมาให้อนาถบิณฑิกเศรษฐีก็กลับมาเป็นเศรษฐีอีก นี่ทำบุญต้องได้บุญ

ถึงเวลาคนเรามันมีกรรม การกระทำของเราลุ่มๆ ดอนๆ เวลากรรมมันให้ผลไงย้อนกลับมาที่โลกสิ ย้อนมาที่โลก เราไม่เชื่อ ! เราไม่เชื่อจริงๆ นะว่าใครจะฝืนกรรมได้ เวลากรรมมันให้ผลมันต้องเป็นอย่างนั้น เวลากรรมมันให้ผล คนรวย เศรษฐี มหาเศรษฐีเดี๋ยวก็ต้องลง แล้วคนทุกข์คนยากมันก็เป็นเศรษฐีขึ้นมาได้ มันเป็นไปได้เวลาถึงวาระของกรรมเข้ามา

เราถึงต้องมีสติอยู่กับปัจจุบัน แล้วไม่ต้องไปตื่นตกใจกับอะไร เราอยู่กับปัจจุบันทำดีของเรานี่ ทำดีต้องได้ดี ! ทำดีอย่างเดียวนี่แหละ ทำดีแล้วไม่ได้ดีเพราะอะไร เพราะมันยังไม่ถึงเวลาของมัน มันให้ผลของมัน ทำดีกับใคร ทำดีกับโจร ทำดีกับพระ ทำดีกับครูบาอาจารย์ ทำดีกับสิ่งที่เป็นดีขึ้นมา ไปทำดีกับคนอื่น ไปชวนพวกนักเลงหัวไม้มาทำบุญสิ มันจะมาตั้งวงเหล้าที่นี่นะ ไปทำดีกัน ไปทำดีกัน ก็ดีแบบกูไง มาถึงวัดก็ตั้งวงเหล้าเลย มันดีต้องดีถูกคน ดีถูกกาล ดีถูกกาลเทศะ

เราทำดี คำว่าดีของเรา ดีของใคร ดีของเด็กๆ นะ ดูซิหมามันกัด เขาว่ามันดีนะ มันรักษาข้าวของให้ บอกให้มันไปหาเจ้านายกระดิกหางเลย ได้ผลงานมาอันหนึ่ง กัดคนที่มาลักของ ไอ้คนโดนหมากัดละ หมากัด.. แล้วความดีของใคร ความดีของหมา ที่หมามันหวงแหนถิ่นของมัน มันรักษาถิ่นของมัน มันก็เป็นความดีของมัน

ความดีของสัตว์ ความดีของคน ความดีของอริยภูมิ ความดีของการประพฤติปฏิบัติ ความดีมันละเอียดลึกซึ้งเข้าไปเยอะแยะเลย แล้วเราจะเอาความดีหยาบๆนี่ กูทำดี.. กูทำดี.. เรียกร้องความดี มึงจะบ้าเหรอ !

ความดีของเรานั่งสมาธิทั้งคืน ! ความดีของเราอยู่ในหัวใจเรา มรรคญาณมันเกิดขึ้นมาความดีมันอยู่ที่นี่ ความดีไม่ต้องไปอวดใคร แล้วเกิดขึ้นมาเทวดา อินทร์ พรหม สาธุการ โอ้โฮ ! นี่ไง...นี่ไง...ธรรมทายาท พุทธบุตรเกิดแล้ว โอ้โฮ ! ดีอกดีใจเพราะอะไร เราจะได้ฟังธรรมอีกแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นไม่ได้ฟังหรอก มันจะฟังแต่ขี้หมา เวลาพูดออกไปมีแต่กลิ่นเหม็นออกไป เทวดาเขาไม่อยากได้หรอก เขาอยากทำคุณงามความดี เขาอยากฟังสัจธรรมอันนั้น

สัจธรรมนี้พอพุทธบุตรเกิด ธรรมทายาทบรรลุธรรมขึ้นมา ดูหลวงตาท่านว่า โอ้โฮ ! เทวดา อินทร์ พรหม สาธุการ.. สาธุการเลย สาธุการกับใคร สาธุการกับมนุษย์นะ แล้วเราเป็นมนุษย์นะ มนุษย์สมบัติสำคัญมาก เราอย่าดูถูกชีวิตของเรา เราอย่าดูถูกความเป็นไปของเรา เราตั้งสัจจะตรงนี้ ความดีของเรา

ชาวพุทธต้องเป็นชาวพุทธจริงๆ ไม่ใช่ทำอะไรก็ไม่ได้ไปหมดเลย แล้วก็กลัวนะ กลัวสังคมติเตียน แล้วต้องทำอะไร พระต้องเรียบร้อย ต้องสงบเสงี่ยม เอาพระพุทธรูปไปตั้งไว้สิ เอาพระพุทธรูปไปตั้งไว้ไม่กระดิกเลย โอ๊ย.. เรียบร้อยหมดเลย มันไม่มีชีวิต มันไม่มีความรู้สึก มันสื่อสารกับเราไม่ได้ มันแสดงธรรมไม่ได้ มันเอาสิ่งต่างๆ มาให้เรารู้ไม่ได้ เรารู้ได้ที่นี่ไง รู้ได้ด้วยวิธีการนี่ไง วิธีการที่มันทุกข์มันยาก วิธีการที่มันถูมันไถมานี่ไง ถ้าไม่มีการถูการไถมา แล้วมันจะเกิดมาได้อย่างไร มันจะเป็นไปได้อย่างไร

นี่ไง...ในพระไตรปิฎกเป็นอย่างนี้หมด พระไตรปิฎกเป็นกิริยา เป็นวิธีการ ในพระไตรปิฎกไม่ได้บอกถึงผลเลย บอกถึงวิธีการ แต่ชาวพุทธมันโง่ ! มันเอาวิธีการนั้นมาวิจัยกัน พระพุทธเจ้าว่าอย่างนั้น.. พระพุทธพจน์ว่าอย่างนั้น.. มึงจะบ้าเหรอ ! นี่มันวิธีการ ! วิธีการเข้าไปหาธรรมะ วิธีการเข้าไปหาสัจธรรม วิธีการเข้าไปถึงความจริง ความจริงมันอยู่กับเรา วิธีการ ! แล้วมึงไปวิเคราะห์วิธีการ แล้วเอาวิธีการมาเถียงกัน แล้วเอาวิธีการมาฟาดฟันกัน แล้วมันจะเป็นธรรมได้อย่างไร

นี่ไง ว่างๆ ว่างๆ ถ้าความว่างเป็นนิพพาน ชาวพุทธเป็นนิพพานหมดล่ะ มันว่างทุกวัน ว่างยังไงก็ว่างได้ ว่างไม่มีประโยชน์หรอก ว่างต้องทำจริง ให้รู้จริง สัจธรรมความจริง แล้วมันว่างจริง มันจะเป็นประโยชน์กับเรา เอวัง